บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หมู่บ้านคนระลึกชาติ

ในบทความของบล็อกชุดนี้ ผมต้องที่จะนำเสนอการระลึกชาติแบบฟิสิกส์ใหม่ หรือวิทยาศาสตร์ เพื่อต้องการที่จะกระตุ้นเตือนกลุ่มคนที่เชื่อวิทยาศาสตร์เก่าอย่างมืดบอกทางปัญญาว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง บุญกรรมมีจริง

การระลึกชาตินั้นเป็นของจริง มีคนทำได้จริง สามารถพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิชาการ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการเกริ่นนำและเป็นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน จึงควรนำเสนอข้อมูลการระลึกชาติของคนไทยไว้บ้าง

การระลึกชาติได้ของคนไทย มีอยู่ทั่วประเทศ ที่ไม่ได้รับความสนใจจากนักวิชาการเพราะ พวกนักวิชาการไปเชื่อวิทยาศาสตร์เก่า เชื่อว่าการตายการเกิดของคน เป็นอุบัติการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง

นักวิชาการจึงไม่ได้ให้ความสนใจ ละเลยที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้ เรื่องการระลึกชาติก็จึงกลายเป็นเรื่องของคนที่ลุ่มหลงงมงายในเรื่องที่ไม่ทันสมัย เรื่องคนของโง่ ฯลฯ

เรื่องที่จะนำมาเป็นตัวอย่างและเป็นข้อมูลที่เป็นเรื่องของหมู่บ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ที่คนในหมู่บ้านระลึกชาติได้มากกว่าห้าสิบคน

ข่าวนี้มาจากหัวข้อข่าวเรื่อง “หมู่บ้านคนระลึกชาติแห่งเดียวในโลกที่ อ. ไพศาลี จ. นครสวรรค์” ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
 เนื้อข่าวโดยย่อมีดังนี้
 "คม ชัด ลึก" ได้รับการเปิดเผยจาก นายธวัชชัย ขำชะยันจะ ผู้ศึกษากรณีการจำอดีตชาติ หรือ ระลึกชาติว่า จากการสำรวจศึกษา และเก็บข้อมูล การระลึกชาติได้ของคนในหมู่บ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์  เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ พบว่า มีผู้จำอดีตชาติได้ที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า ๕๐ ราย

บางรายยังสามารถจำอดีตชาติได้ บางรายมีพยานรู้เห็นจำนวนมาก บางรายมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสามารถพิสูจน์ได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เท่าที่ทราบมีผู้ที่จำอดีตชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรายล่าสุด คือ ยายเพียร แย้มประดับ ตายไปเมื่อปี ๒๕๓๕  กลับมาเกิดเป็น เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล วัย ๔ ขวบ ถึงกับทำให้ลูกหลานของยายเพียร ดีใจ ลูกหลานยายเพียรบางคนถึงกับเรียกเด็กหญิงญาณินท์ว่า "แม่" หรือ "ยาย" โดยทุกวันนี้ลูกหลานยายเพียรรับเด็กหญิงญาณินท์มาเลี้ยงเหมือนญาติคนหนึ่งในครอบครัว  

นายธวัชชัย บอกว่า ในจำนวนผู้ที่ระลึกชาติได้กว่า ๕๐ ราย นายธวัชชัยได้ศึกษาข้อมูลในเชิงลึก ๑๔ ราย มีเรื่องราวในอดีตชาติอันเป็นที่สนใจอย่างยิ่ง และเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้องในอดีตชาติอย่างสนิทใจ ได้แก่

๑. นายเทเวศน์ เรียบสัมพันธ์
๒. นายนพพร ใจเร็ว
๓. นายเจษฎา เต็มหัตถ์
๔. เด็กชายอดิศร สุขโภชน์
๕. เด็กชายพงศธร ศรชัย
๖. เด็กชายฤทธิไกร โนนน้อย
๗. นางเสงี่ยม นันกลาง
๘. นางสาวส้มลิ้ม คงสะโต
๙. นายธีระพันธ์ วงษ์คำภา
๑๐. เด็กชายวรวัฒน์ เจริญพร้อม
๑๑. นางสุรางคนา มาลา
๑๒. เด็กชายพลวัฒน์ จุลโพธิ์
๑๓. เด็กชายไพโรจน์ นาดง
๑๔. เด็กชายวัชระ ใจเร็ว
๑๕. เด็กชายโสภณ ขำพาลี  และ
๑๖. นายอำนาจ อะวิสุ

อย่างไรก็ตาม ในการเก็บรวบรวมคนระลึกชาตินั้น ไม่เฉพาะนายธวัชชัยเท่านั้น ในระดับโลก ก็มี ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน แต่ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้ท่านทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ การจำอดีตชาติได้และ การกลับชาติมาเกิดมากว่า ๔๗ ปี ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๓ 

ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ท่านได้พบผู้ที่จำอดีตชาติได้ หรือผู้ที่สืบชาติมาเกิดใหม่ จากชาติและศาสนาต่างๆ ทั่วโลก ทั้งใน ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา และทวีปเอเชีย (รวมทั้งประเทศไทย) มากกว่า ๓,๐๐๐ ราย ด้วยการสนับสนุนทุนในการศึกษาวิจัยเด็กที่จำอดีตชาติได้จำนวนมหาศาล ถึง ๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก เชสเตอร์ คาร์ลสัน (Chester Carlson) ผู้คิดประดิษฐ์เครื่องถ่ายเอกสารให้พวกเราได้ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสืบหากรณีศึกษา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐานในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย

คณะนี้ ได้เข้ามาสืบหา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐานกรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้ในประเทศไทยหลายครั้ง ตั้งแต่เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๐๙ จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า ๔๐ ปีแล้ว โดยจะเดินทางเข้ามาติดตามกรณีศึกษาที่เคยเก็บข้อมูลหลักฐานไปแล้ว และมาสืบหา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐานกรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้รายใหม่ๆ ในประเทศไทย ปีละ ๒-๓ ครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ดร.เจอร์เกน ไคล์ (นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน เคยเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย) ได้เดินทางมาศึกษาค้นคว้าเรื่องเด็กที่จำอดีตชาติได้ในประเทศไทยแทน ศ.นพ.เอียน โดยมี นายสุตทยา วัชราภัย นักวิชาการอิสระสาขาพุทธศาสตร์ และจิตศาสตร์ เป็นผู้ร่วมศึกษาค้นคว้า

บุคคลทั้งสองได้เดินทางไปยังภาคอีสานตอนบน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่จำอดีตชาติได้ โดยสืบถามข้อมูลจากญาติพี่น้อง พยานที่รู้เห็น หรือตัวเด็กที่จำอดีตชาติได้ (บางคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว) ข้อมูลที่ค้นคว้ามาได้มีมาก (ระหว่างปี ๒๕๓๕-๒๕๔๑) ค้นคว้ามาได้รวม ๕๐ ราย เฉพาะปี ๒๕๕๐ มี ๘ ราย และมีอีก ๗๐-๘๐ ราย ที่ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์

ในประเทศไทยนั้น ท่านและคณะศึกษาวิจัยได้เคยมาสืบหา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐานกรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้หลายครั้ง โดยความร่วมมือจากคณะคนไทยที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วหลายท่าน ได้แก่ นายแพทย์เชียร สิริยานนท์, อาจารย์นาซิบ สิโรรส, อาจารย์เต็ม สุวิกรม, ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล เป็นต้น

ซึ่งท่านได้เขียนไว้ใน กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgments) ในหนังสือ Reincarnation and Biology ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ๒๕๒๐ และยังมีอีกหลายท่าน เช่น คุณประสิทธิ์ การุณยวณิชย์, ดร.บุญย์ นิลเกษ, อาจารย์สุตทยา วัชราภัย ดร.วิเชียร  สิทธิประภาพร อาจารย์ประจำ แขนงวิชาดนตรีบำบัด วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี ผู้อำนวยการโครงการวิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล(ศาลายา)

ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านตะคร้อนั้น  มีหลักฐานทางด้านโบราณวัตถุหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของหมู่บ้านรอยต่อสามจังหวัดแห่งนี้ มีชาวบ้านพบโครงกระดูกของคนโบราณ ภาชนะดินเผา อาวุธ เคียว กะพรวนม้าโบราณ สุสานโบราณ และสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วหมู่บ้านและรอบๆ หมู่บ้าน

โดยเฉพาะบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า โคกพักทัพ” “โคกพญาสั่งและ หนองแร้ง หนองกาซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน เคยมีชาวบ้านขุดพบโครงกระดูก ภาชนะดินเผา และอาวุธโบราณจำนวนมาก

จากการสืบค้นหลักฐานต่างๆ ทั้งจากทางด้านภูมิศาสตร์ โบราณคดี โบราณวัตถุ สันนิษฐานว่า น่าจะเคยมีการเคลื่อนทัพใหญ่มาพักทัพที่บริเวณหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นช่วงใดสมัยใด

และบริเวณนี้น่าจะเคยถูกใช้เป็นเส้นทางติดต่อกันทั้งทางน้ำและทางบกระหว่างเมืองเก่า ศรีเทพที่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และเมืองเก่า ไพศาลีที่บ้านหนองไผ่ ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ (อยู่ห่างจากหมู่บ้านตะคร้อไปทางทิศตะวันตก ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร)

ซึ่งทั้งสองเมืองเคยเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของอาณาจักรละโว้ เมื่อครั้งที่ขอมยังเรืองอำนาจ ตั้งแต่เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔

ทางด้านภูมิศาสตร์ หมู่บ้านตะคร้อตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของ ๓ จังหวัดคือ ทางทิศตะวันออกมีเขตติดต่อกับ ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ทางทิศใต้มีเขตติดต่อกับ อ.หนองม่วง และ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี และทางด้านทิศตะวันตกเป็นเขต อ.ไพศาลี ซึ่งติดต่อกับ อ.ตากฟ้า และ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

ส่วนทางด้านทิศเหนือติดกับเทือกเขาสอยดาว ซึ่งทอดตัวยาวเป็นระยะทางกว่า ๒๐ กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่บ้านหนองไผ่และบ้านพระบาท ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี ไปจนถึง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

จากข่าวข้างต้น และจากพระไตรปิฎก ถ้าไม่บ้าไปเชื่อวิทยาศาสตร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็ต้องยอมรับว่า มีคนตายแล้วเกิด และสามารถระลึกชาติได้เอง โดยไม่ต้องใช้วิชชาสามได้

โดยส่วนใหญ่แล้ว จะระลึกชาติได้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็กๆ พอโตมาก็จะลืมหมด........




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น