บทความนี้ จะเข้าถึงวิชชาสาม เครื่องมือเข้าไปในอดีตของพุทธศาสนาเสียที หลังจากที่อารัมภบทมานาน
การเข้าไปรับรู้เหตุการณ์ในอดีตเป็นหลักการสำคัญของศาสนาพุทธ เพราะ ถ้าเราไม่รู้ว่า เราเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน ทุกข์เป็นประจำ สุขบ้าง ก็เป็นสุขปลอมๆ ไม่ถาวร แล้วเราก็รู้ด้วยว่า ถ้าไม่หาหนทางออกไปจากสังสารวัฏนี้ เราก็ต้องเกิดอีกนับภพนับชาติไม่ถ้วนเหมือนกัน
การรู้อย่างนั้น ทำให้เราเกิดความเบื่อหน่ายใน “การเกิด” ดังนั้น ถ้าระลึกชาติไม่ได้ ก็ไม่สามารถจะบรรลุพระอรหันต์ได้
การระลึกชาตินั้น ต้องทำตามวิชชา 3 คือ
1) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ การระลึกชาติของตนเอง
การระลึกชาตินี้ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูก็สามารถทำได้ แต่มีข้อจำกัดคือ ระลึกไปได้ไม่กี่ชาติ ถ้าเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธองค์ทรงสามารถระลึกชาติได้ไม่จำกัด
2) จุตูปปาตญาณ
จุตูปปาตญาณ คือการระลึกชาติของคนอื่น
3) อาสวักขยญาณ
พอผ่าน 2 วิชชาแรกไปแล้ว จึงสามารถทำวิชชาที่ 3 ได้ ผลก็ทำให้กิเลสหมดสิ้นไป จึงบรรลุพระอรหันต์ได้
ตรงนี้ขอย้ำอีกสักหน่อยว่า การโฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริงของสายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปที่ว่า การปฏิบัติธรรมแบบของตนเองเป็นวิปัสสนา และเป็นหนทางเดียวที่จะบรรลุพระอรหันต์ได้นั้น "ไม่จริง"
ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานต่างก็เป็นพื้นฐานของให้วิชชาสามทั้งสิ้น และการปฏิบัติธรรมสายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปก็ไม่ได้เป็นวิปัสสนา/เห็นแจ้ง เพราะ ทั้ง 2 สายนั้นปฏิบัติได้เพียงบางส่วนของสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นอนุปัสนา/ตามเห็นเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า ในขณะที่นักฟิสิกส์พยายามสร้างเครื่องมือกันขนานใหญ่ แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกกี่พันปีจะสร้างสำเร็จ หรืออาจจะไม่สำเร็จเลยก็เป็นได้
ศาสนาพุทธสามารถทำได้มาได้ตั้งนานแล้ว ถ้านับเอาศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเข้าไปด้วย ก็จะพบว่า พื้นที่ที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน มีคนสามารถเข้าไปในอดีตได้มานานแล้ว แต่เข้าไปด้วยกายละเอียด ไม่ใช่กายเนื้อแบบฟิสิกส์ใหม่
ถ้านักฟิสิกส์ใหม่ทำได้จริงๆ นักฟิสิกส์ใหม่จะระลึกชาติได้อย่างไร?
ในกรณีที่นักฟิสิกส์ใหม่สามารถสร้างยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้ความเร็วของแสง ได้จริงๆ นักฟิสิกส์ใหม่เชื่อว่า ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Relative theory) ของไอน์สไตน์ (Einstein) จะทำให้พวกตนเข้าไปในอดีตได้นั้น
ผมเห็นสอดคล้องกับนักวิทยาศาสตร์เก่าว่า ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์โต้แย้งอย่างไม่มีหลักวิชาการ สำหรับผมเองโต้แย้งโดยหลักการจากทางศาสนาพุทธว่า
เราสามารถเข้าไปในอดีตได้ด้วยการปฏิบัติธรรม โดยจะมีลักษณะคล้ายๆ กับการดูภาพยนตร์ เราไม่มีทางที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วได้
บุคคลต่างๆ ตัวละครต่างๆ ต่างก็เป็นอนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตากลายสภาพเป็นอย่างอื่นไปหมดแล้ว
สำหรับในกรณีที่นักฟิสิกส์ใหม่อย่างจะเห็นอดีตจริงๆ ก็ต้องขับยานอวกาศออกไปจากโลกแล้วใช้กล้องส่องดูหรือบันทึกเหตุการณ์ไว้เท่านั้น
ขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้
ในทุกๆ วัน ที่เรามองเห็นดวงอาทิตย์นั้น พึงระลึกไว้ว่า ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ในปัจจุบัน แต่เป็นดวงอาทิตย์ในอดีตที่ 8 นาทีกว่านิดๆ มาแล้ว เพราะ แสงของดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลกประมาณ 8 นาทีกว่านิดๆ
ในกรณีที่นักดาราศาสตร์เห็นการระเบิดของซูเปอร์โนวา (Super nova) ก็ไม่ใช่การระเบิดในปัจจุบันนี้ แต่อาจจะเป็นการระเบิดเมื่อหลายพันล้านปีแสงมาแล้วก็ได้ ซึ่งระยะทางที่ว่านี้ เกินจินตนาการของมนุษย์ว่า มันจะยาวนานขนาดไหนเลยทีเดียว
จากหลักการดังกล่าว ถ้าอยากจะเห็นเหตุการณ์ที่คุณบรูตัสแทงคุณจูเลียส ซีซาร์ก็ต้องขับยานอวกาศที่ว่า ออกไปในระยะที่สามารถส่องกล้องมาดูเหตุการณ์ในสมัยกรีกช่วงนั้นได้
ซึ่งจะห่างเป็นระยะทางเท่าใดนั้น ขอให้เป็นภาระของนักฟิสิกส์ใหม่ก็แล้วกัน ผมมิอาจเอื้อมไปคำนวณแทนท่านได้
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถ้าอยากจะดูเหตุการณ์ที่โลกเกิดขึ้นมา ก็ยังทำได้เลย ก็เพียงขับยานพาหนะที่ว่า ให้ห่างจากโลกประมาณ 5000 ล้านปี เมื่อส่องกล้องมาดู ก็จะเห็นการเกิดของโลกได้
หลักการดังกล่าวนั้น เมื่อผมนำไปขยายความให้คุณมอมแมม เพื่อนของผมฟัง คุณมอมแมมถามเชิงปรัชญาขึ้นมาว่า "แล้วจะใช้จะใช้กล้องแบบไหน"
จะเอากล้องแบบไหนบันทึกเหตุการณ์
ด้วยความอับสนจนปัญญาที่จะตอบคำถามอันลึกซึ้งของคุณมอมแมม
ผมก็ตอบไปว่า "ถ้านักฟิสิกส์ใหม่ เขาสามารถสร้างยานที่มีความเร็วสูงจนเท่าเกือบๆ ความเร็วแสงได้ ไม่ต้องไปห่วงเรื่องกล้องหรอก นักฟิสิกส์ใหม่ เขาต้องทำได้แน่ๆ"
สำหรับผมเองนั้น ขอทำนายไว้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อไปการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องมีเครื่องมือที่สามารถบันทึกเป็น 3 มิติได้ อาจจะใช้หลักการของทฤษฎีอะไรก็ตาม และเมื่อจะนำมาฉายให้ดู ก็สามารถฉายเป็นภาพ 3 มิติให้เห็นกันจะๆ โดยไม่ต้องใช้จอแบบปัจจุบันนี้ก็แล้วกัน
สรุป
เมื่อพิจารณาหลักทฤษฎีของฟิสิกส์ใหม่ จะเห็นว่า นักฟิสิกส์ใหม่สามารถจะเข้าไปในอดีตได้ แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่นักฟิสิกส์คิดอยู่ในปัจจุบันนี้ กล่าวคือ การเอากายเนื้อเข้าไปในอดีต แต่จะทำได้ในลักษณะที่ว่า ขับยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้แสงออกไปจากโลก ให้มีระยะทางที่จะเห็นเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาที่ต้องการรู้ต้องการเห็น
ความคิดที่จะเข้าไปในอดีตซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่ยังทำไม่ได้ของนักฟิสิกส์ใหม่นั้น บุคคลในยุคสองพันกว่าปีมาแล้ว ในเขตประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจุบันสามารถทำได้มานมนานแล้ว
และก็ยังเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดด้วย อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาที่ว่า "ถ้าเราทำให้ปู่ตายโดยบังเอิญ เราจะได้เกิดหรือไม่"....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น